วัคซีนเสริม เพิ่มภูมิคุ้มกันภูมิคุ้มกันให้ลูก
top of page

เพิ่มภูมิคุ้มกัน ให้ลูกน้อย ด้วยวัคซีนชนิดเสริม


วัคซีนสำหรับเด็กในปัจจุบันมี 2 ชนิด ชนิดแรกคือวัคซีนพื้นฐานที่เด็กไทยควรได้รับตามกระทรวงสาธารณสุข แบบที่สอง วัคซีนเสริม หรือวัคซีนที่อยู่ นอกเหนือแผนของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่


- วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

ฉีดซ้ำทุก 1 ปี สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปี ปีแรกควรได้รับ 2 เข็ม โดยเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน


- วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และการติดเชื้อในกระแสเลือด (IPD)

. กรณีเริ่มฉีดเมื่ออายุ 2 เดือน ฉีด 4 เข็ม ที่อายุ 2,4,6 และ 15 เดือน ตามลำดับ

. กรณีเริ่มฉีดเมื่ออายุ 7 เดือน ฉีด 3 เข็ม ที่อายุ 7,9 และ 15 เดือน ตามลำดับ

. กรณีเริ่มฉีดเมื่ออายุ 12 เดือน ฉีด 2 เข็ม ที่อายุ 13 และ 15 เดือน ตามลำดับ

. กรณีเริ่มฉีดเมื่ออายุ 2 ปีขึ้นไป ถ้าฉีดชนิด 13 สายพันธุ์ ฉีด 1 เข็ม

. กรณีเริ่มฉีดเมื่ออายุ 2 ปีขึ้นไป ถ้าฉีดชนิด 10 สายพันธุ์ ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 2 เดือน


- วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV)

การรับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกสามารถฉีดได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยแนะนำให้ฉีดในผู้หญิงอายุตั้งแต่ 9-45 ปี และผู้ชายควรฉีดวัคซีนในช่วงอายุ 9-26 ปี เกณฑ์การรับวัคซีน ถ้าฉีดเข็มแรกก่อนอายุ 15 ปี ฉีดเพียง 2 เข็ม ห่างกัน 6 - 12 เดือน ถ้าฉีดเข็มหลังอายุ 15 ปี เป็นต้นไป

ฉีด 3 เข็ม 0 , 1 , 6 เดือน


- วัคซีนป้องกันอีสุกอีใส

เริ่มฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 ปี ขึ้นไป รวมทั้งหมด 2 เข็ม หรือ ห่าง 3 เดือน


สำหรับคนที่เคยเป็นสุกใสแล้ว

จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน


- วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก

ฉีดช่วงอายุ 9 ปีขึ้นไป ฉีด 3 เข็ม ห่าง 3 เดือน


- วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ

ฉีดช่วงอายุ 1 ปีขึ้นไป ฉีด 2 เข็ม และเข็มที่ 2 ห่างกัน 6 - 12 เดือน


- วัคซีนป้องกันวัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก

ฉีดช่วงอายุ 10 ปีขึ้นไป และ ควรได้รับวัคซีนกระตุ้นทุก 10 ปี

ดู 81 ครั้ง1 ความคิดเห็น
bottom of page